วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

เกาะสีชัง

ชลบุรี - เกาะสีชัง
เกาะสีชัง เป็นเกาะใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นที่จอดพักเรือสินค้านานาชาติ และเป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยวในบรรยากาศแบบท้องถิ่น ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้ ชุมชนเกาะสีชังอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ เป็นที่ตั้งของท่าเรือเทววงศ์ (ท่าล่าง) และเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถสามล้อเครื่องหรือสกายแล็ปไปยังจุดอื่น ๆ บนเกาะสีชังจุดท่องเที่ยวบนเกาะสีชัง ได้แก่


ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ตั้งอยู่บนเขาห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถาน ที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย จากบริเวณศาลมองเห็นทิวทัศน์บ้านเรือนด้านหน้าเกาะได้ชัดเจน



มณฑปรอยพระพุทธบาท อยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขาเดียวกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ รัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ บนยอดเขาเป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบ



ช่องเขาขาด ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ในบริเวณมีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์ สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม มีหาดหินกลม ซึ่งเต็มไปด้วยหินกลม ๆ ขนาดต่าง ๆ มากมาย ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5


พระจุฑาธุชราชฐาน ห่างจากท่าเทววงศ์ลงมาทางใต้ของเกาะ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับในฤดูร้อน ภายในบริเวณมีสภาพภูมิทัศน์ที่งดงาม ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง ถัดขึ้นไปเป็นตึกวัฒนา พระตำหนักทรงปั้นหยา เรือนไม้ลวดลายขนมปังขิง ตึกผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม ตึกอภิรมย์ และวัดวัดอัษฎางค์นิมิตรบนยอดเขาซึ่งก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวันตก ส่วนพระราชวังซึ่งทำด้วยไม้สักได้รื้อไปก่อสร้างเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆ ที่กรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ได้แก่ สระน้ำ บ่อน้ำ สะพานท่าเทียบเรือ และประภาคาร

หาดถ้ำเขาพัง ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของเกาะ เป็นชายหาดกว้าง สะอาดและสวยงาม มีทรายละเอียด น้ำใสสะอาดเหมาะแก่การเล่นน้ำ การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะ เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสีชังอยู่ห่างกันพอสมควร จะสะดวกมากหากจะเช่ารถสามล้อเครื่องจากท่าเทียบเรือไปชมสถานที่ต่าง ๆ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษก็เที่ยวได้ทั่วเกาะ ค่าเช่ารถสามล้อเครื่อง คิดเป็นรอบ ๆ ละประมาณ 150-250 บาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและระยะทาง

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

MORAKOT CAVE



ถ้ำมรกต ถ้ำมหัศจรรย์กลางทะเล จะเข้าออกได้เฉพาะช่วงน้ำลงเท่านั้น ปากถ้ำเป็นโพรงเล็กๆ การเข้าออกจะต้องลอยคอในน้ำ ลอดถ้ำอันมืดมิด ผ่านเส้นทางคดโค้ง ระยะทางประมาณ 80 เมตร เข้าแถวเรียงหนึ่งตามคนนำทาง จับคนข้างหน้าไว้ให้มั่นไม่งั้นอาจหลงทางได้ เมื่อพ้นปากถ้ำออกมาอีกด้านหนึ่งจะเป็นหาดทรายขาวสะอาดล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน ที่มีฟ้าสีครามเป็นหลังคา และผนังแต่งแต้มด้วยลายเขียวของใบไม้ โพรงที่ลอดเข้าถ้ำมรกตจะอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเกาะ ยามแสงอาทิตย์ทำมุมพอเหมาะทั้งเกาะและเวิ้งถ้ำก็พลันกลายเป็นสีเขียวมรกตงดงามวันเวลาที่แนะนำ

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวถ้ำมรกตคือช่วงที่น้ำขึ้นเต็มที่ในแต่ละวัน เนื่องจากจะเห็นทะเลสาบสีมรกตงดงามและเวลาที่แสงจะลอดปากปล่องถ้ำมรกตลงมา คือระหว่าง 10.00-14.00 น. การลอดถ้ำสามารถทำได้ตลอดเวลา เดือนที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวคือระหว่างเดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนพฤษภาคม เวลาน้ำลงเพื่อมุดเข้าถ้ำมรกตได้การเดินทาง
1.จากจังหวัดตรัง ใช้ทางหลวงหมายเลข 403 ผ่านอำเภอไปตามถนนรพช. สู่ บ้านหาดยาว มีเรือออกไปเที่ยวถ้ำมรกตและดำน้ำดูปะการังทุกวันที่ท่าเรือบ้านหาดยาว

2.จากจังหวัดตรังเดินทางสู่ท่าเรือหาดปากเมง แล้วเช่าเหมาเรือไปเที่ยวถ้ำมรกตได้

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

ภูเก็ต

สถาปัตยกรรมในภูเก็ต เป็นสถาปัตยกรรม ที่แสดงให้เห็นถึงรูปแบบ การผสมผสาน ความเชื่อ ศิลปะ และวัฒนธรรมของจีน โปรตุเกส อังกฤษ อินเดีย ฮอลันดา หรือมลายู เห็นได้จากลักษณะ ของสิ่งปลูกสร้างต่างๆ โดยมีสองรูปแบบ เด่นๆ คือ ศิลปะแบบจีน ที่แสดงให้เห็นถึง ความเชื่อที่สืบทอด มาจากบรรพบุรุษอย่างเหนียวแน่น และ แบบผสมผสาน ระหว่างตะวันตกและตะวันออก หรือที่เรียกว่า “ชิโนโปรตุกิส”

อาคารเก่าในซอยรมณีย์ ถนนถลาง



หง่อคาขี่ ยังมีให้เห็นที่ถนนถลางและกระบี่