วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แม่คะนิ้ง + เหมยขาบ + น้ำค้างแข็ง

แม่คะนิ้ง




แม่คะนิ้ง เป็นคำจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาษาพื้นเมืองทางภาคเหนือเรียกว่า เหมยขาบ คือผลึกน้ำแข็งที่เกิดขึ้นเนื่องจาก ไอน้ำในอากาศใกล้ผิวดินลดอุณหภูมิลงถึงอุณหภูมิจุดน้ำค้าง แล้วกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ต่อจากนั้นอุณหภูมิยังคงลดต่อไปอีก จนต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ทำให้น้ำค้างแข็งตัว กลายเป็นน้ำค้างแข็ง ซึ่งจะทำความเสียหายแก่พืชไร่และผักต่าง ๆ เช่น ข้าวที่กำลังออกรวงก็จะมีเมล็ดลีบ พืชไร่จะชะงักการเจริญเติบโต พืชผักใบจะหงิกงอ ไหม้เกรียม กล้วย มะพร้าวและทุเรียนใบจะแห้งร่วง ถ้าเกิดติดต่อกันหลายวัน ก็จะทำความเสียหายแก่พืชที่ปลูกได้มากขึ้น น้ำค้างแข็ง ในเมืองไทยสามารถพบเห็นได้ตามบริเวณยอดดอยในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีอากาศหนาวจัด ส่วนมากจะเกิดในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม
ทั้งนี้การเกิดแม่คะนิ้ง ไม่ใช่พอหนาวแล้วก็จะเกิดกันได้ง่ายๆ แต่แม่คะนิ้งจะเกิดก็ต่อเมื่อมีอากาศหนาวจัดจนน้ำค้างยอดหญ้าหรือยอดไม้แข็งตัว ในอุณหภูมิประมาณศูนย์องศาเซลเซียสหรือติดลบเล็กน้อย

***ใครที่อยากชมแม่คะนิ้ง ในเมืองไทยปีไหนที่หนาวมากๆ ก็สามารถลุยความหนาวขึ้นไปดูได้ตามยอดดอยในภาคเหนือ และภาคอีสาน เนื่องจากเป็นที่ที่มีอากาศเย็นจัด โดยที่มีคนเห็นกันบ่อยๆก็ที่ ดอยอินทนนท์ ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่ และที่ ภูเรือ จ.เลย

วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Santa Claus


ตามตำนาน บอกว่า Santa Claus ตัวจริงเป็นนักบวชชื่อว่า “St. Nicholas” ซึ่งในวันคริสต์มาสทุกปี เขาจะแจกของขวัญแก่เด็กๆ ต่อมาเมื่อ Hollywood มีความคิดที่จะสร้างหนังเกี่ยวกับ Christmas ก็เลยวาดภาพของ St. Nicholas ออกมาเป็น Santa Claus ที่นุ่งชุดสีแดง หนวดเคราสีขาว เป็นคนใจดี อาศัยอยู่ North Pole มีกวางแสนรู้ชื่อ “Rudolf” (อย่างที่เพลงร้องว่า Rudolf the red-nosed reindeer )

***สำหรับ "ซานตาคลอส" เซนต์นิโคลัสแห่งเมืองมีรา สมัยศตวรรษที่ 4 ได้รับการขนานนามให้เป็นซานตาคลอสคนแรก เพราะวันหนึ่งท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่งแล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี




วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Le Panthéon







Le Panthéon ( เลอปองเตอง ) เป็นอนุสาวรีย์ที่ใหญ่ที่สุดใน le quartier Latin โดมสูง 80 เมตร ตัวอาคารยาว 110 เมตร กว้าง 82 เมตร เริ่มสร้างในสมัยพระเจ้า หลุยส์ที่ 15 โดยพระองค์ทรงวางศิลาฤกษ์เองในปี ค.ศ. 1764 สถาปนิก คือ Soufflot ซึ่งต่อมาได้เป็นชื่อถนนด้านหน้าของ Panthéon เพื่อเป็นเกียรติแก่สถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่คนนี้

ตอนสร้างตอนแรกนั้นเพื่อเป็นโบสถ์ (église) ในสมัยปฏิวัติเป็นวิหาร ( temple ) โดยให้ชื่อว่า Panthéon เป็นที่เก็บศพหรือกระดูกของรัฐบุรุษและบุคคลสำคัญของชาติ ในสมัย Restauration ( 1814-1830 ) ได้เป็นวิหารแห่งความรุ่งโรจน์ ( temple de la Gloire ) ในสมัยพระเจ้า หลุยส์-ฟิลลิป ซึ่งในสมัยจักรวรรดิที่ 2 เป็น (église) ในสมัยสาธารณรัฐที่ 3 กลับเป็นที่ฝังศพของรัฐบุรุษตามเดิม

**ได้มีพิธีฝังศพวิคตอร์ ฮูโก ( Victor Hugo ) นักเขียนคนสำคัญของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1885


**ข้างในวิหารที่มีโดมใหญ่โตนี้มีภาพวาดฝาผนังสวยงามที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ ภาพวาดของปูวิ ( Puvis ) และ ชาวาน ( Chavannes )

ศพคนสำคัญ และนักเขียนของฝรั่งเศสที่เก็บไว้ในห้องใต้ดิน มี Jaurès, Braille,Emaile Zola,Voltaire,Rousseau ฯลฯ คำจารึกข้างหน้าเขียนไว้ว่า ประเทศระลึกถึงบุญคุณรัฐบุรุษ และคนสำคัญ “Aux grand Hommes,la patrie reconnaissante”


วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Jardin des Tuileries.

The Tuileries Garden (French: Jardin des Tuileries) is a public garden located between the Louvre Museum and the Place de la Concorde in the 1st arrondissement of Paris. Created by Marie de Medicis as the garden of the Tuileries Palace in 1564, it was first opened to the public in 1667, and became a public park after the French Revolution. In the 19th and 20th century, it was the place where Parisians celebrated, met, promenaded, and relaxed.