วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Rudolph


เรื่องของรูดอล์ฟปรากฏในหนังสือสำหรับเด็กโดยมีเนื้อเรื่องว่า รูดอล์ฟเป็นลูกชายของดอนเนอร์ ผู้เกิดมาพร้อมจมูกสีแดง ส่งผลให้ดูเด่นมากท่ามกลางหมู่เรนเดียร์ตัวอื่นๆ ค่ำคืนวันก่อนคริสต์มาสครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าหมอกลงจัดเกินไปจนซานตาคลอสไม่อาจเดินทางไปแจกของขวัญให้แก่เด็กๆ ทั่วโลกได้ และเกือบจะยกเลิกการเดินทางอยู่แล้วซานต้าก็สังเกตเห็นจมูกสีแดงของรูดอล์ฟเข้าเลยคิดว่าอาจจะให้เป็นไฟส่องทางในการเดินทางได้ด้วยรถเลื่อนลอยฟ้าได้ จากนั้นเป็นต้นมา รูดอล์ฟก็กลายเป็นสมาชิกถาวรของทีมไป และก็ค่อยนำทางทุกครั้งที่มีการเดินทาง

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Moi-même!




Je m'appelle Nungruedie CHAMMJOUY.


*Je suis gaie et sociable.


*Je n'aime pas les gens qui sont égoïstes, hypocrites et agressives.


*Je suis sensible mais je ne suis pas vulnérable.


-----> Je n'ai pas menti! <----

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Marseille






Provence-Cote d'Azur ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและชายแดนติดกับอิตาลี เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Marseille ผลผลิตที่สำคัญคือการปลูกดอก lavande ,การปลูกไร่องุ่น,การเพาะปลูกพืชผักสวนครัว

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

The Midnight Sun


ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์เที่ยงคืน ณ ขั้วโลกเหนือ จะเกิดขึ้นในบริเวณที่อยู่ เหนือเส้นอาร์ติกเซอร์เคิล หรือประมาณเส้นละติจูดที่ 66 องศาเหนือ ทำให้ผู้คนในประเทศที่อยู่เหนือเส้นละติจูดนี้มองเห็นดวงอาทิตย์ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนคือ...อะลาสกา แคนาดา กรีนแลนด์ ไอซ์แลนด์ สวีเดน ฟินแลนด์ และดินแดนของรัสเซียในบริเวณโนวาวา เซมล์ยา หรือมูร์มันสก์ ก็สามารถมองเห็นอาทิตย์เที่ยงคืนได้เหมือนกัน โดยดินแดนที่เคยมีบันทึกว่า เกิดปรากฏการณ์อาทิตย์เที่ยงคืนยาวนานที่สุดคือ ทางปลายเหนือสุดของฟินแลนด์ ซึ่งที่นั่นดวงอาทิตย์ไม่เคยตกลับขอบฟ้ายาวนานถึง 73 วัน


วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Berliner //Krapfen ^^!



ขนมนี้ชื่อ Berliner หรือบางที่ก็เรียก Krapfen ค่ะ รสชาติและหน้าตาไม่แตกต่างจากโดนัทเนื้อยีสต์ของมิสเตอร์โดนัทบ้านเราเลย และนี่ก็สูตรค่ะฺ Berliner

ส่วนผสม

1. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 500 กรัม
2. ยีสต์สด 1 ก้อน (ถ้าใช้ยีสต์แห้งประมาณ 4 ชช.ค่ะ)
3. น้ำตาล 80 กรัม
4. นมอุ่นๆ(ประมาณ 25C) 1/8 ลิตร (125มล.)
5. เกลือ 1/4 ชช.
6. ผิวมะนาวขูดจากมะนาวครึ่งลูก
7. ไข่ 2 ฟอง
8. เนยหรือมาการีน 70 กรัม
9. แยมหรือไส้อะไรที่ชอบ

วิธีทำ
1. ใส่แป้งในอ่างผสม ทำบ่อตรงกลาง ใส่ยีสต์ลงไป
2. แบ่งน้ำตาลมา 30 กรัม และนมอุ่น 50 มล. ใส่ตามลงไปใช้มือหรือไม้พายนวดผสมให้เข้ากัน จากนั้นเอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ คลุม พักไว้ประมาณ 15-20 นาทีค่ะ
3. หลังจากพักแป้งครบเวลาแล้วก็ใส่ "น้ำตาล" กับ "นม" ที่เหลือลงไป ตามด้วยเกลือ, ผิวมะนาว, ไข่ และเนย จัดการนวดจนเนียน แป้งไม่ติดมือหรือขอบอ่าง
4. เสร็จแล้วก็ทำเป็นก้อนกลม ทาเนยให้ทั่ว แล้วใส่อ่างคลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่นประมาณ 30 นาที จนแป้งขึ้น
5. พอแป้งขึ้นแล้ว นำมานวดอีกสัก 2-3 นาที แล้วแบ่งแป้งเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน ส่วนนึงนำกลับใส่อ่างคลุมผ้าไว้ อีกส่วนนึงนำมานวดคลึงและแผ่แป้งเป็นแผ่นหนาประมาณ 1/2 ซม.
6. ใช้แก้ว, ถ้วย หรืออะไรก็ได้ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 ซม.มากดบนแผ่นแป้ง กดได้ติดๆ กันนะคะ(ดูตามรูปนะคะ อธิบายไม่ค่อยถูก)
7. ใส่ไส้แยมหรือไส้ครีมตามชอบลงไปตรงกลาง พยายามอย่าให้ไส้ไปเลอะตามขอบๆ แป้งนะคะ
8. แป้งส่วนที่สองที่แบ่งไว้ นำมาคลึงและแผ่ให้มีขนาดเท่าๆ กับส่วนแรกจากนั้นนำมาประกบบนแผ่นแรกที่ใส่ไส้ไว้ ใช้มือกดๆ ตามขอบให้แป้งทั้งสองแผ่นติดกันค่ะ
9. ทีนี้เราก็จะเห็นไส้นูนขึ้นมาชัดเจน เอาแก้วกดลงไป กะดูให้ไส้อยู่ตรงกลางนะคะ แล้วหมุนแก้วเบาๆ ให้แป้งขาดออกจากกัน กดตรงริมให้แน่นนะค่ะ จากนั้นพักไว้ประมาณ 30 นาที ให้แป้งขึ้นอีกรอบค่ะ
10. พอแป้งขึ้นแล้ว ก็ใส่น้ำมันพืชหรือเนยขาวที่จะใช้ทอดแบร์ลิ้นแนร์ ในหม้อสำหรับทอด อุณหภูมิของน้ำมันต้องประมาณ 170-180C ค่ะทอดให้เป็นสีเหลืองทอง หรือสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองด้านนะคะ
11. จากนั้นตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมันเล็กน้อย แล้วนำมาคลุกน้ำตาลทั้งที่ยังร้อนๆ อยู่นะคะ เสร็จแล้วค่ะ

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เกาะเกร็ด นนทบุรี


ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ หลังจากได้ดำเนินการขุดคลองมหาชัยได้แล้วเสร็จในปี จ.ศ.๑๐๘๓ แล้ว ในปีถัดมาได้มีพระราชดำริให้ขุดคลอง เตร็ดน้อย ลัดคุ้งปากคลองบางบัวทองซึ่งอ้อมมากให้เป็นเส้นตรง จากบริเวณใกล้ๆ ท่าเรือปากเกร็ด ตรงไปผ่านหน้า วัดสนามเหนือ วัดกลางเกร็ด ไปทางวัดเชิงเลนซึ่งแต่แรกขุดนั้นเป็นคลองลัดเกร็ด(หรือเตร็ดหมายถึงลำน้ำเล็กลัดเชื่อมลำน้ำสายใหญ่สายเดียวกัน ) นั้น มีขนาดกว้างเพียง ๖ วา ลึก ๖ ศอก ยาว ๒๙ เส้น แต่เนื่องจากแรงของกระแสน้ำที่ไหลพัดผ่านนั้นแรงมาก จึงได้พัดเซาะตลิ่งพังและขยายความกว้างขึ้นมา จนในปัจจุบันจึงได้กลายเป็น แม่น้ำลัดเกร็ด ไปแล้ว และพื้นที่บนแผ่นดินเดิมซึ่งมีลักษณะเป็นแหลมที่ยื่นออกไปโดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านเป็นรูปเกือกม้า ก็กลายเป็นเกาะไป จึงเรียกว่า เกาะเกร็ด ส่วนตรงปากทางที่ขุดก็เรียกว่า ปากเกร็ด
ด้วยประการฉะนี้ ความจริงปากเกร็ดนั้นเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่หลายแห่ง อาทิเช่นที่ วัดกู้ วัดตำหนักใต้ หรือ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ เป็นต้น และในละแวก ปากเกร็ด ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่นวัดบ่อ ท่าเรือปากเกร็ด ตลาดริมทางเท้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง วัดสนามเหนือและวัดกลางเกร็ด ถ้าจะข้ามไปยัง เกาะเกร็ด ก็จะได้ชมวัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ฯ ศูนย์การผลิตเครื่องปั้นดินเผา ชมสินค้าและวิถีชีวิตชาวมอญแถบนั้น ซึ่งอยู่กันอย่างเรียบง่ายและดำรงรักษ์ไว้ซึ่งวัฒนธรรมเดิม ถ้าท่าน ล่องเรือ รอบๆ เกาะ ก็สามารถแวะบ้านขนมหวานในคลองบางบัวทองเพื่ออุดหนุน ขนมหวานแบบไทยๆ รสชาติอร่อยด้วย..
สำหรับชาวกรุงเทพ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง คือ เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เกาะเกร็ดเป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นชุมชนที่เจริญมาตั้งแต่ ปลายสมัยอยุธยา วัดต่างๆ ที่สร้างขึ้นบนเกาะเป็นโบราณสถานที่สวยงามสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายทั้งสิ้น มีฐานะเป็นตำบลแบ่งเขตการปกครองเป็นหมู่บ้าน รวมทั้งสิ้น 7 หมู่บ้าน เกาะเกร็ดเกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดลำน้ำเจ้าพระยาตรงส่วนที่เป็นแหลมยื่นไปตามความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระแห่งกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ.2265 เรียกคลองนี้ว่า “คลองลัดเกาะน้อย” ต่อมากระแสน้ำได้เปลี่ยนทิศทางทำให้คลองขยายกว้างขึ้น เพราะถูกแรงของกระแสน้ำเซาะตลิ่งพัง จึงกลายเป็นแม่น้ำและเกาะเกร็ดมีสภาพเป็นเกาะเช่นปัจจุบัน
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเกาะเกร็ด



วัดปรมัยยิกาวาส ตั้งอยู่ตำบลเกาะเกร็ด เยื้องท่าเนือสุขาภิบาลปากเกร็ดไปทางใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร และอยู่ตรงข้ามกับท่าเรือวัดสนามเหนือเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร สร้างแบบรามัญ เดิมวัดนี้เป็นวัดเก่าชื่อวัดปากอ่าว ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งวัด และโปรดให้สร้างพระเจดีย์รามัญ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระราชทานนามว่า วัดปรมัยยิกาวาสเนื่องจากศิลปะที่สร้างมีลักษณะแบบมอญ พระเจดีย์ทุกองค์สร้างแบบมอญ และพระพุทธรูปพระประธานในโบสถ์สลักด้วยหินอ่อนแบบมอญด้วย จึงเรียกกันว่า “วัดมอญ” ภายในวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง และบานประตูหน้าต่างโบสถ์ประดับลายปูนปั้นสวยงาม

วัดเสาธงทอง ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะเกร็ด เป็นวัดโบราณเดิมชื่อ วัดสวนหมาก ศิลปะสมัยอยุธยาที่มีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองขนาดใหญ่ อยู่หลังโบสถ์เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเขตอำเภอปากเก็ด ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มีเจดีย์องค์เล็กเป็นเจดีย์บริวารโดยรองอีก 2 ชั้น ด้านข้างโบสถ์มีเจดีย์องค์ใหญ่อีก 2 องค์ องค์หนี่งเป็นเจดีย์ทรงระฆังกลม อีกองค์หนึ่งมีรูปผแปลกมีฐานเหลี่ยม องค์ระฆังทำเป็นทรงกลมสูง ภายในโบสถ์มีลายเพดานสวยงามมาก เป็นลายทองเขียนลายกรวยเชิงอย่างงดงาม พระประธานเป็น พระปางมารวิชัย ปูนปั้น ขนาดใหญ่องค์หนึ่งในจังหวัดนนทบุรี คนมอญเรียกวัดนี้ว่า เพี๊ยะอาล๊าต




วัดฉิมพลี ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะเกร็ด มีโบสถ์ขนาดล็กงดงามมาก และยังมีสภาพสมบูรณ์แบบเดิมเป็นส่วนใหญ่ หน้าบันจำหลักไม่เป็นเทพทรงราชรถ ล้อมรอบด้วยลายดอกไม้ ซุ้มประตูยอดมณฑป ซุ้มหน้าต่างแบหน้านาง ยังคงให้เห็นความงามอยู่ ฐานโบสถ์โค้งแบบเรือสำเภา




วัดไผ่ล้อม เป็นวัดที่สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะเกร็ด มีโบสถ์ที่งดงามมาก ลายหน้าบันจำหลักไม้เป็นลายดอกไม้ มีคันทวยและบัวหัวเสาที่งดงามเช่นกัน หน้าโบสถ์มีเจดีย์ขนาดย่อมสององค์รูปทรงแปลก ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง แต่ละองค์ระฆังทำเป็นรูปบาตรคว่ำ มียอดทรงกลม ประดับลายปูนปั้นอย่างงดงามมาก คนมอญเรียกวัดนี้ว่า “เพี๊ยะโต้”



ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านชาวมอญ ตั้งอยู่ที่ด้านซ้ายของวัดปรมัยยิกาวาส ห่างจากวัดประมาณ 100 เมตร เป็นสถานที่แสดงภาชนะเครื่องปั้นดินเผาแบบรามัญ รูปทรงต่างๆ ฝีมือประณึตสวยงาม เช่น หม้อน้ำ นอกจากนี้ยังมีการแสดงวิธีการปั้นและจำหน่ายสินค่าเครื่องปั้นดินเผาด้วย เปิดให้ชมทุกวัน


หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา ตั้งอยู่บริเวณสองบ้างทางเดินรอบเกาะเกร็ดทั้งด้านซ้าย และด้านขวาของวัดปรมัยยิกาวาส เป็นหมู่บ้านที่ทำเครื่องปั้นดินเผาภาชนะของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น กระถาง ครก อ่างน้ำ เป็นต้น แหล่งใหญ่และเก่าแก่ของจังหวัดนนทบุรี สามารถชมขั้นตอนต่างๆในการทำเครื่องปั้นดินเผ่าตั้งแต่การเตรียมดินจนถึงวิธีการนำเข้าเตาเผา

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ประโยชน์จากลำไยอบแห้ง


ลำไยแห้ง ถือเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าอย่างมหัศจรรย์ ไม่เพียงแต่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน เกลือแร่ กรดหลายชนิดที่ร่างหารต้องการ เช่น กรดกลูโคนิค กรดมาลิก กรดซิตริก ฯลฯ รวมทั้งมีกรดอะมิโน อีก 9 ชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และแร่ธาตุอีกหลายชนิดที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ทองแดง สังกะสี แมงกานีส เป็นต้น ลำไยยังมีคุณค่าทางการแพทย์และเภสัชอีกด้วย ถึงแม้ว่าหลายคนจะมีความเชื่อกันว่าหากรับประทานลำไยมากจะทำให้อ้วน แต่ความเป็นจริงรสหวานจากน้ำตาลผลไม้นั้นจะย่อยง่ายและมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งคือน้ำตาล 3 ชนิด กลูโคส ฟรุกโตส และซูโครสที่ร่างการต้องการ

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Gelato

Gelato หรือ เจลาโต้ นั้นเป็นภาษาอิตตาลี่ แปลว่าไอศกรีมค่ะ ไอศกรีมเจลาโต้จะแตกต่างจากไอศกรีมสไตล์อเมริกันในเรื่องอัตราส่วนขององค์ประกอบ ขั้นตอนการผลิตบางขั้น ซึ่งส่งผลต่อกลิ่นรสและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ของเจลาโต้

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Super_Dollfie#Dollfie#BJD~*DoLL

คนมักหลงเรียก BJD ผิดว่า SD, Super Dollfie หรือ Dollfie ติดปากเพราะบริษัท volks เป็นต้นตำหรับ BJD แต่เป็นการเรียกที่ไม่ถูกต้อง

***Super Dollfie - เป็นชื่อรุ่นดอลและไลน์ดอลในลิขสิทธิ์ของบริษัท Volks เท่านั้น โดยมี SD เป็นตัวย่อ และระบุเลขตามท้าย เช่น MSD, SD10, SD13, SD16, SD17 ตัวเลขเป็นการบอกขนาดรุ่นของดอลค่ะ


***Delf (เป็นชื่อรุ่นDollของ LUTS) กรุณาอย่าเรียกชื่อรุ่นของDollผิดนะคะ มิฉะนั้นอาจจะถูกตำหนิได้ ดังนั้นถ้าเรียกรุ่นไม่ถูกก็ควรเรียกรวมๆ เป็น doll หรือ BJDค่ะ


ถ้าเป็นบริษัทอื่นนอกจาก Volks เขาก็มีชื่อไลน์ดอลและรุ่นของเขาเอง โดยไม่เรียกว่า SD หรือ Super Dollfie ยกตัวอย่างเช่น LUTS ก็จะเป็นตระกูล Delf เช่น Delf <57-60> SDF ( Senior Delf ) <60-62>, Kid Delf <> Honey Delf, Zuzu Delf สังเกตว่าจะเป็น Delf หมดค่ะ ไม่มีการเรียกว่า SD หรือ Super Dollfie คนที่เล่นดอลของ LUTS ก็จะเรียกดอลของตัวเองว่า Delf เช่นกัน

***D.O.D จะแบ่งรุ่นเป็น
1--->D.O.T <> ขนาด 60-64 cm.
2--->D.O.C <> ขนาด 45 cm โดยประมาณ

3--->D.O.I <> ขนาด 70 cm.


4--->Dollsoom ตั้งชื่อไลน์ดอลเป้นตระกูล Gem แบ่งเป็น
4.1--->Gem <60>
4.2--->Super Gem <65>
4.3--->Little Gem <45>

สรุป คำว่า Super Dollfie และ Dollfie ไม่ใช่คำที่ใช้เรียก BJD โดยสากลนะคะ ใช้แค่กับดอลของ Volks เท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ชมซากุระในเมืองไทย



งดงามเกินคำบรรยาย สำหรับการเบ่งบานของดอกซากุระเมืองไทยหรือดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน จ.น่าน

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ความหมายของธงเจ


ในช่วงเทศกาลกินเจ เราจะสังเกตเห็นธงประจำเทศกาล โดยมีพื้นธงเป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่อนุญาตให้ใช้กับคนสองกลุ่มเท่านั้น คือกลุ่มกษัตริย์ ราชวงศ์ และกลุ่มอาจารย์ปราบผี ดังจะเห็นจากยันต์สีเหลืองตามภาพยนตร์จีน ดังนั้นสีเหลืองจึงเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล บนธงจะเขียนตัวอักษรสีแดง อ่านว่า "ไจ" หรือ "เจ" มีความหมายว่า "ของไม่มีคาว" เหตุที่ใช้สีแดง เพราะชาวจีนเชื่อว่า เป็นสีมงคง สร้างความเจริญให้แก่ชีวิต


ธงเจนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเป็นการเตือนให้พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตนถือศีลกินเจได้ตระหนักถึงการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะเวลา 9 วัน 9 คืน

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ประโยชน์ของชา


1. ชาร้อนๆ จะทำให้สารที่เป็นประโยชน์ คือ “คาเทคชินส์” ถูกความร้อนทำลายไปเกือบหมด คงเหลือแต่ความหอมและรสชาติ ถ้าต้องการให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพและยังนิยมชาร้อนๆ ควรดื่มน้ำชาที่เข้มข้น


2. ชาเขียวหรือสารสกัดจากใบชาสด หากนำมาเตรียมเป็นเครื่องดื่มแช่เย็น ความเย็นจะช่วยรักษาคุณค่าของสารสำคัญในใบชาไว้ได้ดี แต่หากผ่านการทำให้ร้อนปริมาณสำคัญในน้ำชาก็จะถูกทำลายเช่นกัน


3. ชาร้อน หรือชาเย็น ไม่ควรแต่งรสด้วยนมทุกชนิด เพราะโปรตีนในนมจะไปจับกับสารสำคัญในชา และทำลายประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย


4. ผู้รับประทานวิตามินเสริม เช่น ธาตุเหล็ก เกลือแร่ หรือยาที่คล้ายคลึงกัน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำชาร่วมไปด้วย เพราะสารสำคัญจากใบชาจะไปตกตะกอนธาตุเหล็กหรือเกลือแร่ไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย


5. โทษของการดื่มชาต่อร่างกายก็มีเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารสำคัญคือ “แทนนิน” จะไปตกตะกอนโปรตีนและแร่ธาตุต่างๆ จากอาหารที่รับประทาน ทำให้ลดการดูดซึมของสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย จึงมีคำแนะนำไม่ให้เด็กดื่มน้ำชาไม่ว่าจะเป็นชาเขียวแช่เย็นหรือชาร้อน เพราะจะทำให้ขาดสารอาหาร


6. ใบชายังมีองค์ประกอบที่ให้โทษต่อร่างกายที่ยังไม่ค่อยมีคนกล่าวถึง คือ มีฟลูออไรด์ในปริมาณค่อนข้างสูง ทำให้เกิดการสะสม มีผลให้ไตวาย เกิดมะเร็งลำไส้ โรคกระดูกพรุน โรคข้อ และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกระดูก แต่ถ้าดื่มไม่มากก็ไม่ต้องกังวล


7. ใบชามีสารที่ชื่อว่า “ออกซาเลท” แม้จะมีอยู่น้อย แต่หากดื่มชามากๆ และดื่มบ่อยๆ เป็นประจำ สารนี้จะสะสมในร่างกาย เป็นอันตรายต่อไต


8. ใบชามีสารกาเฟอีนสูง อาจสูงกว่ากาแฟด้วยซ้ำ เพียงแต่การดื่มน้ำชา สารแทนนินจากชาจะป้องกันหรือลดการดูดซึมของกาเฟอีนเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ฤทธิ์การกระตุ้นหัวใจและสมองน้อยกว่ากาแฟมาก

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

หอยทากฝรั่งเศส


หอยทากฝรั่งเศส (เป็นอาหารที่คนฝรั่งเศสรู้จักกันดี)



หอยทากผัดกระเทียม

พิซซ่าหน้าหอยทาก+ขากบ


จานนี้คือพัฟผักโขมกับหอยทาก(เสริฟพร้อมสลัด)

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

Cologne


เมืองโคโลญน์ ( Cologne ) เมืองหลวง ของแคว้นไรน์แลนด์( Rhineland ) และเป็นเมือง ใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ศูนย์กลางทางการค้า อุตสาหกรรม และศิลปะ เป็นแหล่งผลิตน้ำหอมออดิโคโลญจน์ 4711 อันลือชื่อสัญลักษณ์ของเมือง โคโลญน์ที่ทั่วโลกรู้จัก คือ มหาวิหารศิลปะโกธิคริม ฝั่งแม่น้ำไรน์ โดม(Dom Cathedral) วิหารในศิลปะ แบบโกธิคแห่งแรกของแคว้น ที่เริ่มสร้างในปี 1248 โดดเด่นด้วยยอดโดมแฝดที่มีความสูงถึง 157 เมตร


ขบวนแห่สนุกสนาน ความอิ่มเอมเปรมใจ และการซื้อขายอย่างสะดวกสบาย คือ เมืองโคโลญน์ศูนย์กลางของคนหลายชาติหลากภาษาซึ่งมีประชากรทั้งสิ้นประมาณ 1,020,116 คน และยังคงรักษาเอกลักษณ์นิสัยของความเอื้ออารีอารอบกันในหมู่เพื่อนบ้าน ยอดสูงระฟ้าของมหาวิหารเก่าแก่ของเยอรมนี เมืองที่ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมประวัติศาสตร์อย่างมหาศาล พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงก้องโลกที่ยังคงแข็งแรงและยังคงความสวยงาม โรงผลิตเบียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่ได้ป็นแหล่งผลิตเบียร์คลอสต์ และยังเป็นแหล่งผลิตไวน์เลิศ รสเพื่อส่งไปจำหน่ายให้กับภัตตาคารชั้นหนึ่งและเป็นที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างดีซึ่งร้านขายเหล้ามีมากกว่า 3,000 ร้าน ,ภัตตาคารและโรงเบียร์


เมืองโคโลญจน์ เป็นเมืองหนึ่งในประเทศเยอรมนีที่เป็นผู้นำในการกินการดื่มอย่างละเอียดอ่อนโดยคิดเป็นอัตราต่อหัวของประชากรและไม่มีเมืองใดในเยอรมนีที่มีโรงเบียร์และเมืองที่มีภัตตาคารชั้นนำมากมายเท่านี้


เมืองโคโลญน์เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีการปกครองตนเองที่ยิ่งใหญ่ และเป็นเมืองที่มีพิพิธภัณฑ์เอกชนเป็นจำนวนมาก ที่ซึ่งทรัพย์สินเหล่านั้นได้นำมาจากที่ต่างๆมากมาย ซึ่งมีชื่อเสียงมากว่า 2,000 ปี เทียบเท่ากับประวัติศาสตร์ของตัวเมือง ผู้ที่รักศิลปะทางด้านดนตรีของเมืองโคโลญจน์ได้ร่วมกันเฉลิมฉลองการแสดงดนตรีอันทรงเกียรติอลังการแห่งหนึ่งเป็นในยุโรป

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

La Haute-Normandie


La Haute-Normandieมีเขตติดต่อกับแคว้น Basse-Normandie มีการผลิตเนยชั้นนำคุณภาพ และแอปเปิ้ลที่มีคุณภาพรสชาติอร่อย เมืองหลวงประจำแคว้นชื่อ Rouen

^

^

^

^

Rouen.

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เวนิส?







เวนิส (อังกฤษ:Venice ;อิตาเลี่ยน: Venezia) เป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี มีประชากร 271,663 คน (ข้อมูลวันที่ 1 มกราคม 2547) เมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges), และ เมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light)

เป็นเมืองที่มีคลองมากที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลเอเดรียติกเป็นเมืองท่า โบราณเวนิส ใช้คลองในการคมนาคมมากที่สุด มีอาคาร-ร้านและบ้านเมืองตั้งริมคลอง มีเรือบริการในการเดินทางไปในที่ต่างๆของเมืองมีการบริการท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ธรรมชาติของ 2 ฝั่งคลองโดยทางเรือ นับเป็นเมืองที่คลองมากกว่าถนนอีกเมืองหนึ่งของโลก












วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Colmar






Colmar ประเทศฝรั่งเศส เมือง Colmar ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก เมืองหนึ่ง ของประเทศฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ที่คู่รัก มักจะให้คำสัญญาในความรักระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมือง Colmar ก็คือ ไร่องุ่นจำนวนมาก เคียงคู่ไปกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม และบรรยากาศ ที่สวยงาม สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ช่วยทำให้เมือง Colmar เป็นอีกหนึ่งในสถานที่โรแมนติกในฝัน

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Buckingham Palace


พระราชวังบัคคิงแฮม (ภาษาอังกฤษ: ) เดิมชื่อ คฤหาสน์บัคคิงแฮม เป็นพระราชวังที่เป็นที่ประทับเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งภายในพระราชวังจะมีห้องต่างๆ ที่น่าสนใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี อาทิ ห้องบังลังก์ของกษัตริย์ ห้องแกลลอรี่ ห้องเสวยพระกระยาหาร ซึ่งห้องต่างๆ เหล่านี้ ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามและอลังการ นอกจากนี้ ภายในพระราชวังยังมีสวนที่ได้รับการตกแต่งอย่างดี เหมาะแก่การเดินชมวิวเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญ คือ การผลัดเปลี่ยนเวร(Changing the Guard) การผลัดเปลี่ยนเวรจะมีขึ้นที่บริเวณ พระราชวังบักกิ้งแฮม โดยจะเริ่มแสดงเวลา 11.30 น . และจะใช้เวลาแสดงทั้งหมด 40 นาที
แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ในวันที่มีเหตุการณ์สำคัญของเมือง
หรือการผลัดเปลี่ยนเวรอาจจะงดได้ในวันที่ฝนตก
พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอนในสหราชอาณาจักรเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับการเลี้ยงรับรองของรัฐและยังเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญที่หนึ่งของกรุงลอนดอน และยังเป็นที่รวมพลังใจทั้งในการฉลองและในยามคับขันของชาวอังกฤษพระราชวังบัคคิงแฮมแต่เดิมชื่อ “คฤหาสน์บัคคิงแฮม” (Buckingham House) ในปี ค.ศ. 1703 ในปี ค.ศ. 1761 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3ทรงซื้อจากดยุคแห่งบัคคิงแฮมเพื่อเป็นพระราชฐานส่วนพระองค์
ที่รู้จักกันในชื่อ “วังพระราชินี” (The Queen's House) พระราชวังบัคคิงแฮมกลายมาเป็นพระราชฐานที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย
ขึ้นครองราชย์เมื่อปี ค.ศ. 1837 การต่อเติมครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายทำในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งรวมทั้งด้านหน้าที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
บางครั้งพระราชวังบัคคิงแฮมก็เรียกกันเล่นๆว่า “บัคเฮาส์”

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

The Leaning Tower of Pisa


หอเอนเมืองปีซา ตั้งอยู่ที่เมืองปีซา ประเทศอิตาลี เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสูง 181 ฟุต เริ่มสร้างเมื่อค.ศ. 1174 แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงเมื่อก่อสร้างไปได้ประมาณ 4-5 ชั้น เนื่องจากพื้นดินใต้อาคารเริ่มยุบลงจากการที่รากฐานของอาคารไม่มั่นคงพอ อย่างไรก็ตามต่อมาได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยเมื่อปีค.ศ. 1350 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของโครงสร้างด้านบนไปจากแผนผังเดิมเพื่อถ่วงดุลกับการเอียงของหอ โดยรวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 176 ปี แต่ตัวหอก็ยังเอนไปจากแนวตั้งฉากถึง 14 ฟุตปัจจุบันนี้ได้ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมข้างบนแล้ว เนื่องจากว่าหอจะเอนลงเรื่อยๆ ซึ่งบรรดาวิศวกรกำลังหาทางที่จะหยุดยั้งการเอนและอนุรักษ์ให้มีสภาพเอียงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชมไปอีกนานๆ สำหรับหอเอนปิซานี้ภายในมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อดังแห่งยุคได้สลักลวดลายไว้สวยงามมาก ณ ที่หอเอนปิซาแห่งนี้เป็นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles)

พระราชวังแวร์ซายส์ แห่งเมืองแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1661 - 1681 โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส จุดประสงค์สำคัญคือต้องการให้ชาวโลกเห็นว่า ความมั่งคั่งสมบูรณ์และความงามเลอเลิศที่สุดในโลกมารวมอยู่ที่ฝรั่งเศสทั้งหมด จึงได้สั่งให้รื้อพลับพลาที่สร้างในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ทิ้ง และให้สร้างพระราชวังใหญ่ทำด้วยหินอ่อนและตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดาร ด้วยสิ่งประดับที่หาค่ามิได้ ทั้งลวดลายแกะสลักในไม้และหิน เครื่องเคลือบ เครื่องเงิน เครื่องทอง หินอ่อน ภาพเขียนจากฝีมือจิตรกรชื่อดังและฝีมือชั้นเยี่ยม โดยใช้เงินในการก่อสร้างไปเป็นเงิน 500 ล้านฟรังค์ ใช้แรงงานคนในการก่อสร้าง30,000 คน และใช้เวลาสร้างนานถึง 30 ปี ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ ยังมีความงามเป็นเลิศ ซึ่งฝรั่งเศสใช้เป็นสถานที่รับแขกเมือง การประชุมที่สำคัญระดับชาติ








วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ยุคมืดของแม่มด!!!



ไม่ว่าแม่มดจะมีจริงหรือไม่ หรือดีเลวอย่างไรก็ตาม ประมาณต้นศตวรรษที่ 6-11 แถบยุโรปเคยมีแม่มดและมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยกัน แต่พอศตวรรษที่ 15-17 หรือยุคกลางของยุโรป ที่เรียกกันว่า ยุคมืด นั้นมีการล่าแม่มดขนานใหญ่ สมมุติว่าเกิดเหตุผิดธรรมชาติขึ้นในท้องถิ่น เช่นฝนไม่ตก มีโรคระบาด สิ่งแรกที่คนสมัยนั้นจะโยนบาปก็คือแม่มด พวกชาวบ้านจะระดมกำลังกันตามหาผู้ต้องสงสัย และมักเป็นแพะรับบาป พร้อมหลักฐานจำนวนหนึ่ง บางทีหลักฐานก็ดูตลกๆ เช่นแค่เลี้ยงหมากับแมวไว้ในบ้านก็ตาม หญิงแก่ไร้ญาติบางคน ซึ่งมีแค่แมวตัวเดียวเป็นสัตว์เลี้ยงคลายเหงา มักถูกหาว่าเป็นแม่มด และถูกลากมาเผาประจานทั้งเป็นอย่างน่าอนาถ หญิงสาวบางคนที่สวยเกินไปก็โดนข้อหานี้ด้วย เพราะสงสัยว่าจะเอาวิญญาณเข้าแลกกับเรือนร่างอันน่ามอง แถมผู้ชายในสมัยนั้นยังชอบทารุณกรรมผู้หญิง โดยยกข้ออ้างจากไบเบิลขึ้นมาอ้างมั่วว่า สูเจ้าจะต้องไม่ทรมานแม่มดด้วยการปล่อยให้มีชีวิต ( "Thou shlt not a suffer a witch to live" )
ฉะนั้นจึงมีการเฆี่ยนประจาน การทรมานด้วยวิธีนานาที่จะนึกออกได้ ใครจะทนการทรมานไหว ก็จำต้องรับสารภาพ เพื่อจะได้ตายด้วยวิธีที่ไม่ทรมานนั่นคือ การเผาทั้งเป็น!
อีกตัวอย่างเหตุการณ์ของการจับแพะแม่มดที่สำคัญโด่งดังคือ กรณีเซนต์โจนส์แห่งตำบลอาร์ค (โยนส์ออฟอาร์ค) เพียงเพราะเป็นผู้หญิงที่ไม่คอยมีใครรู้ที่มาที่ไป และนำทัพปฏิวัติให้ฝรั่งเศสเป็นอิสระจากอังกฤษ อย่างเหลือเชื่อ การเมืองไม่เข้าใครออกใคร จะด้วยอิจฉาหรือกลัวถูกแย่งประชานิยมหรือรักษาตัวรอดตามเกมการเมืองก็ตาม ผู้มีอำนาจในฝรั่งเศสสมรู้กันมอบเธอให้อังกฤษ เพื่อแลกกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งที่เธอต่างหากที่ปลดปล่อยฝรั่งเศสให้กลับมาเป็นปึกแผ่น และมีกษัฅริย์ของตนเอง เธอถูกตัดสินว่า ผิดจริงโดยใช้พลังของแม่มดในการเมืองการสงคราม และถูกเผาทั้งเป็น แต่ภายหลังเป็นร้อยปี ก็ได้มีการรื้อคดีมาทำใหม่ และประกาศว่าการพิพิากษาครั้งนั้นไม่ถูกต้อง แล้วเธอได้รับยกย่องให้เป็น หนึ่งใน นักบุญ

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

++ตำนานดอกกุหลาบ++


กุหลาบ เป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ชื่นชมมาแต่โบราณประมาณกันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อกว่า70ล้านปีมาแล้วเคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบในรัฐโคโลราโดและรัฐโอเรกอนประเทศสหรัฐอเมริกาและได้พิสูจน์ว่ากุหลาบป่า
เป็นพืชที่มีอายุถึง40ล้านปีแต่กุหลาบป่าสมัยโลกล้านปีนี้มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกุหลาบสมัยนี้เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆมากมายความจริงแล้วกำเนิดของกุหลาบหรือกุหลาบป่า นี้มีเฉพาะในแถบบริเวณ






เหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น คือกำเนิดในภาคกลางของทวีปเอเชีย แล้วแพร่ขยายพันธุ์ไปตลอด ซีกโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นแถบที่มีอากาศหนาวจัดอย่าง อาร์กติก อลาสก้า ไซบีเรีย หรือแถบอากาศร้อนอย่าง อินเดีย แอฟริกาเหนือ แต่ในบริเวณแถบใต้เส้นศูนย์สูตรอย่างทวีปออสเตรเลีย หรือเกาะต่างๆในมหาสมุทรรวมทั้งแอฟริกาใต้ ไม่เคยมีปรากฏว่ามีกุหลาบป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเลย


ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า กุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรด์จีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอก ส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน ชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมากถึงจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้ว ยังลงทุนสร้างเนอร์สเซอรี่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย สำหรับชาวโรมันแล้วเรียกได้ว่าดอกกุหลาบมีความสำคัญกับชีวิตประจำวัน เพราะชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ซึ่งเป็นทั้งของขวัญ เป็นดอกไม้สำหรับทำเป็นมาลัยต้อนรับแขก เป็นดอกไม้สำหรับงานเฉลิมฉลองต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ ส่วนน้ำมันกุหลาบยังใช้ทำเป็นยาได้อีกด้วย
กุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความโรแมนติก ซึ่งมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงาม และความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์
ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่าน้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของอคอนิสคนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่าเลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเองแต่ บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิด


จากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม
บางตำนานกล่าวว่ากุหลาบเกิดจากการชุมนุมของบรรดาทวยเทพ เพื่อประทานชีวิตใหม่ให้กับนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่งเทพธิดาแห่งบุปผาชาติ หรือ คลอริส บังเอิญไปพบนางนอนสิ้นชีพอยู่ ในตำนานนี้กล่าวว่า อโฟรไดท์ เป็นเทพผู้ประทานความงามให้ มีเทพอีกสามองค์ประทานความสดใส เสน่ห์ และความน่าอภิรมย์ และมีเซไฟรัส ซึ่งเป็นลมตะวันตกได้ช่วยพัดกลุ่มเมฆ เพื่อเปิดฟ้าให้กับแสงของ
เทพอพอลโล หรือแสงอาทิตย์ส่องลงมาจากนั้น ไดโอนีเซียส เทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่นก็ประทานน้ำอมฤต และกลิ่นหอม เมื่อสร้างบุปผาชาติดอกใหม่



(อโฟรไดท์ หรือ วีนัส เทพแห่งความงาม)

(เทพแห่งเหล้าองุ่น)

ขึ้นมาได้แล้ว เทพทั้งหลายก็เรียกดอกไม้ซึ่งมีกลิ่นหอมและทรงเสน่ห์นี้ว่า Rosa จากนั้น เทพธิดาคลอริส ก็รวบรวมหยดน้ำค้างมาประดับเป็นมงกุฎ เพื่อมอบให้ดอกไม้นี้เป็นราชินีแห่งบุปผาชาติทั้งมวล จากนั้นก็ประทานดอกกุหลาบ





(เทพอีโรส)


ให้กับเทพอีโรส ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก กุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก แล้วเทพ อีโรส ก็ประทานกุหลาบนี้ให้แก่ ฮาร์โพเครติส ซึ่งเป็นเทพแห่งความเงียบ เพื่อที่จะเก็บซ่อนความอ่อนแอของทวยเทพทั้งหลาย ดอกกุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเงียบและความเร้นลับอีกอย่างหนึ่ง กุหลาบกลายเป็นของขวัญ ของกำนัลสำหรับการแสดงความรัก และมักจะมีผู้เปรียบเทียบความงามของผู้หญิงเป็นเสมือนดอกกุหลาบ และผู้หญิงคนแรบสมญาว่าเป็นผู้หญิงงามเสมือนดอกกุหลาบคือ พระนางคลีโอพัตรา ซึ่งพระนางยังได้เคยต้อนรับ มาร์ค แอนโทนี คนรักของพระนาง ในห้องซึ่งโรยด้วยดอกกุหลาบหนาถึง 18 นิ้ว หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นกุหลา[